พระสังฆราชฌัง-บัปติสต์ ปัลเลอกัวซ์ (Bishop Jean-Baptiste Pallegoix) นับเป็นผู้มีคุณูปการอย่างมากต่อประเทศสยาม ด้วยเป็นผู้มีความรู้ทางด้านภาษาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ การชุบแร่โลหะ วิชาไฟฟ้าและวิชาถ่ายรูป โดยส่วนใหญ่เกิดจากการอ่านตำรับตำราและทดลองทำด้วยตนเองจนประสบผลสำเร็จ แล้วท่านได้นำเอาวิทยาการแผนใหม่เหล่านี้เข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่งผลให้ชาวสยามได้นำเอาความรู้เหล่านี้มาใช้ในการพัฒนาประเทศของตนให้มีความศิวิไลซ์ (Civilization) เทียมเท่านานาอารยประเทศ
พระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ ถือกำเนิดที่เมืองกอมแบรโตลท์ (Combertault) จังหวัดโกต-ดอร์ (C?te-d’Or) ในแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) ทางฝั่งตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๐๕ (พ.ศ. ๒๓๔๘)ท่านได้เข้ารับการอบรมสำหรับเตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ที่บ้านเณรใหญ่ในเมืองลียง (Lyon) ขณะอายุได้ ๑๗ ปี แล้วมาเป็นอาจารย์สอนเทววิทยาของบ้านเณรซัมเบรีใน ค.ศ. ๑๘๒๔ (พ.ศ. ๒๓๖๗) โดยท่านได้อาศัยเวลาช่วงพักร้อนในห้อง ค.ศ. ๑๘๒๖ (พ.ศ. ๒๓๖๙) เขียนประวัติย่อของนักบุญฟรังซัวส์ ซาเวียร์ (Saint Francois Xavier) ผู้เผยแผ่พระคริสต์ศาสนาท่านแรกของคณะมิสซังคาทอลิกในดินแดนตะวันออกไกล
เมอซิเยอร์ปัลเลอกัวซ์ได้ย้ายมาอยู่ที่สามเณราลัยคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (S'minaire des Missions'trang'res de Paris หรือนิยมเรียกอย่างย่อว่า M.E.P.) บนถนนบัค (Rue de Bac) เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๒๗ (พ.ศ. ๒๓๗๐) และท่านได้รับศีลบรรพชาเป็นพระในพระคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๘๒๘ (พ.ศ. ๒๓๗๑) ขณะอายุได้ ๒๓ ปี โดยทางคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสได้มอบหมายให้บาทหลวงปัลเลอกัวซ์และบาทหลวงแดส์ชาวานส์ (M. Deschavanes) เป็นธรรมทูตเดินทางไปเผยแผ่พระคริสต์ศาสนายังกรุงสยาม
บาทหลวงปัลเลอกัวซ์และบาทหลวงแดส์ชาวานส์ ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองฮาฟร์ (Havre) ในวันที่ ๓๑ สิงหาคมศกเดียวกันนั้น โดยมาพักอยู่ที่เมืองมาเก๊า (Macao) เป็นเวลานานหลายเดือนจึงเดินทางต่อมายังเมืองสิงคโปร์ (Singapore) แล้วค่อยเดินทางเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ในต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์พ.ศ. ๒๓๖๗-๙๔) เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๓๐ (พ.ศ. ๒๓๗๓) ขณะอายุได้ ๒๕ ปี บาทหลวงปัลเลอกัวซ์ได้มาพำนักอยู่ที่วัดอัสสัมชัญ (Assumption Church) ตำบลบางรัก ในขณะนั้นท่านยังไม่รู้ภาษาไทยเลยแม้แต่คำเดียว จึงลงทุนลงแรงเรียนรู้ภาษาไทยอยู่หลายเดือน จึงค่อยเริ่มต้นทำงานเผยแผ่พระคริสต์ศาสนาในหมู่พวกนอกรีต (gentile) ชาวจีน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น